นโยบาย คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล สำหรับคู่ธุรกิจ และ ผู้เกี่ยวข้อง

บริษัท มิราเคิล อินเตอร์เนชั่นแนล เทคโนโลยี จำกัด (ซึ่งต่อไปนี้จะเรียกว่า “บริษัท” ในนโยบายความเป็นส่วนตัวนี้) ได้จัดทำนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลนี้ขึ้น เพื่อแจ้งให้ท่านทราบถึงแนวทางปฏิบัติของบริษัท ในการเก็บรวบรวม ใช้ เปิดเผย และการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ตลอดจนสิทธิตามกฏหมายของท่านในฐานะเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล ให้ท่านมั่นใจว่าตลอดระยะเวลาที่ท่านใช้บริการหรือดำเนินธุรกิจร่วมกับบริษัทนั้น บริษัทจะกำกับดูแลและคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ให้เป็นไปอย่างถูกต้องตามวัตถุประสงค์และตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 กฎหมายที่มีผลบังคับใช้ และกฎเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง

1. ขอบเขตการบังคับใช้

นโยบายฉบับนี้ใช้บังคับกับข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน  ทั้งที่เป็นบุคคลธรรมดา นิติบุคคล และ/หรือคู่ค้า ซึ่งอยู่ในฐานะเจ้าของข้อมูลที่บริษัทได้รวบรวม ใช้ เปิดเผยดำเนินการ และรักษาไว้ รวมถึงข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทได้เก็บผ่านทางระบบออนไลน์ แอปพลิเคชั่น หรือเว็บไซต์นี้ [www.mit.in.th] และ [https://iplus.mit.in.th] และ/หรือ บัญชีทางการของบริษัท บนสื่อสังคมออนไลน์ หรือช่องทางอื่นใดของบริษัท ข้อมูลที่บริษัทได้เก็บแบบออฟไลน์ ได้แก่ ข้อมูลเอกสารการซื้อขาย การตลาดและการขาย กิจกรรมและโปรแกรมส่งเสริมการขาย และไปรษณีย์

2. คำจำกัดความ

1.“บริษัท” หมายถึง บริษัท มิราเคิล อินเตอร์เนชั่นแนล เทคโนโลยี จำกัด บริษัทในเครือ และบริษัทร่วม “Company” means Miracle International Technology Co., Ltd., an affiliated company and associated companies.

2.“คู่ค้า” หมายถึง บุคคลที่ขายสินค้าหรือให้บริการแก่บริษัท บุคคลที่ซื้อสินค้าหรือรับบริการจากบริษัท บุคลากรของนิติบุคคลที่ขายสินค้าหรือให้บริการแก่บริษัท  บุคลากรของนิติบุคคลที่ซื้อสินค้าหรือรับบริการแก่บริษัท ตลอดจนผู้ถือหุ้นของบริษัทที่เป็นบุคคล และบุคคลที่ร่วมกิจกรรมใดๆ กับบริษัท

3.“ข้อมูลส่วนบุคคล” หมายถึง ข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลซึ่งทำให้สามารถระบุตัวบุคคลนั้นได้ ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม แต่ไม่รวมถึงข้อมูลของผู้ถึงแก่กรรม และหมายรวมถึงความหมายอื่นตามที่กำหนดในพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562

4.“ข้อมูลส่วนบุคคลอ่อนไหว” หมายถึง ข้อมูลที่เป็นเรื่องส่วนบุคคล โดยแท้ของบุคคล แต่มีความละเอียดอ่อน และอาจสุ่มเสี่ยงในการเลือกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรม เช่น เชื้อชาติ เผ่าพันธ์ ความคิดเห็นทางการเมือง ความเชื่อในลัทธิศาสนาหรือปรัชญา พฤติกรรมทางเพศ ประวัติอาชญากรรม ข้อมูลสุขภาพ ความพิการ ข้อมูลสหภาพแรงงาน ข้อมูลพันธุกรรม ข้อมูลชีวภาพ หรือข้อมูลอื่นใด ซึ่งกระทบต่อเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลในทำนองเดียวกันตามที่กำหนดในพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562

5.“การประมวลผล” หมายถึง การดำเนินการเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ เปิดเผย การลบ หรือการทำลายข้อมูลส่วนบุคคล

6.“เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล” หมายถึง บุคคลธรรมดาซึ่งเป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลที่ข้อมูลส่วนบุคคลสามารถระบุตัวตนของบุคคลนั้นได้ ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม

7.“ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล” หมายถึง บุคคลหรือนิติบุคคลซึ่งมีอำนาจหน้าที่ตัดสินใจเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล (ในนโยบายนี้หมายถึง บริษัท)

8.“ผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล” หมายถึง บุคคลหรือนิติบุคคลซึ่งดำเนินการเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ หรือ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลตามคำสั่งหรือในนามบริษัท ทั้งนี้ บุคลากรหรือนิติบุคคล ซึ่งดำเนินการดังกล่าวนั้นไม่เป็นผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล

3. ข้อมูลที่บริษัทเก็บไว้

1.ข้อมูลส่วนบุคคล เช่น ชื่อ นามสกุล อายุ วันเดือนปีเกิด เลขประจำตัวประชาชน เลขที่หนังสือเดินทาง เลขประจำตัวผู้เสียภาษี เลขบัญชีธนาคาร การเก็บรวบรวมนี้รวมถึงข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว จะอยู่ภายใต้ความยินยอมของท่านก่อนเท่านั้น (เว้นแต่บริษัทจะนำข้อมูลดังกล่าวไปใช้เพื่อตามกฎหมายคุ้มครองแรงงาน ประกันสังคม ประกันสุขภาพ สวัสดิการรักษาพยาบาล ของลูกจ้าง หรือข้อยกเว้นตามกฎหมาย)

2.ข้อมูลติดต่อส่วนบุคคลและธุรกิจ ได้แก่ ชื่อ ที่อยู่อีเมล์ หมายเลขโทรศัพท์และที่อยู่อีเมล์ ไอดีไลน์ เฟซบุ๊ค ที่ท่านได้ระบุไว้จากการให้ข้อมูลโดยตรงกับบริษัท และ/หรือการกรอกแบบฟอร์มหรือลงทะเบียน/การสำรวจลูกค้า ทั้งในในเว็บไซต์ แอปพลิเคชั่น บัญชีทางการบนสื่อสังคมออนไลน์ หรือช่องทางอื่นใดของบริษัท

3.ข้อมูลเฉพาะ ได้แก่ ข้อมูลบัญชีผู้ใช้งาน ประวัติการใช้งาน ชื่อผู้ใช้งานและรหัสผ่าน และ/หรือเลขที่อยู่ไอพีของคอมพิวเตอร์ที่ใช้งานเมื่อทำการเข้าถึงระบบบริการข้อมูลของบริษัท

4.ข้อมุลการทำธุรกรรมและการเงิน เช่น ประวัติการสั่งซื้อ บัญชีธนาคาร รายละเอียดผลิตภัณฑ์และบริการที่ซื้อจากบริษัท หรือที่ท่านสอบถาม ได้แก่ รุ่น หมายเลขประจำเครื่อง ชื่อผู้จำหน่าย และ/หรือชื่อนิติบุคคลอื่นผู้สอบเทียบ/รับรองเครื่องมือ ข้อมูลในใบประกาศนียบัตรรับรองผลการสอบเทียบ

5.ข้อมูลทางเทคนิค เช่น ไอพี แอดเดรส คุ๊กกี้ ไอดี ประวัติการใช้งานเว็บไซต์กิจกรรมที่ท่านมีส่วนร่วมเมื่อใช้บริการที่มีให้ผ่านทางเว็บไซต์ แอปพลิเคชั่น บัญชีทางการบนสื่อสังคมออนไลน์ และแหล่งข้อมูลที่ท่านเข้าถึงบนหรือผ่านเว็บไซต์ หรือช่องทางอื่นใดของบริษัท

6.ประวัติส่วนบุคคลที่จำเป็นต่อการว่าจ้างและการจัดการพนักงาน และหลักฐานแสดงตัวตน เช่น สำเนาบัตรประชาชน หนังสือเดินทาง และรูปภาพ ภาพเคลื่อนไหวอื่นๆ

7.ข้อมูลใดๆ ที่เป็นข้อมูลส่วนบุคคลภายใต้ พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ.2562

4. วัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวม ใช้ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล

ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตามที่บริษัทได้จัดเก็บ บริษัทจะไม่นำข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ไปดำเนินการอื่นนอกเหนือไปจากวัตถุประสงค์ที่บริษัทระบุไว้ โดยทางบริษัทเก็บรวบรวมข้อมูลเพื่อวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้

1.เพื่อติดต่อกับท่านเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และการบริการของบริษัท การยื่นข้อเสนอเพื่อส่งเสริมการขายที่ท่านอาจสนใจตามความยินยอมของท่าน

2.เพื่อดำเนินการ จัดการ และควบคุมบัญชีของท่านสำหรับสมาชิกระบบบริการข้อมูล i-plus และบริการอื่นๆ รวมถึงการบริการออนไลน์

3.เพื่อชำระค่าสินค้าและบริการ
4.เพื่อควบคุมการเข้าร่วมการส่งเสริมการขาย และการสำรวจ

5.เพื่อดำเนินการและตอบกลับคำขอ คำถาม คำติชม และข้อร้องเรียนของท่าน

6.เพื่อพิจารณาการจ้างงานหากท่านมีการยื่นใบสมัครงาน และเพื่อควบคุมพนักงานของบริษัท

7.เพื่อวิเคราะห์และใช้ประโยชน์จากข้อมูลออนไลน์ของท่านที่มีปฏิสัมพันธ์กับบริษัท (เช่น ที่อยู่ไอพี) เพื่อปรับปรุงเนื้อหาให้เหมาะสมกับท่านให้มากที่สุด

8.เพื่อทำการวิจัย วิเคราะห์ และพัฒนากิจกรรม เพื่อปรับปรุงเว็บไซต์ และการบริการของบริษัทให้ดีขึ้น

9.เพื่อเก็บ จัดเรียง และ/หรือ สำรอง (ไม่ว่าจะเพื่อการกู้ข้อมูลเมื่อเกิดภัยพิบัติหรือวัตถุประสงค์อื่น) ข้อมูลส่วนตัวของท่าน ไม่ว่าจะอยู่ภายในหรือนอกประเทศไทย

10.เพื่อตอบสนองต่อกระบวนการทางกฎหมาย แสดงสิทธิ์และการเยียวยาตามกฎหมาย การป้องกัน และจัดการการฟ้องร้อง

11.เพื่อตอบรับคำร้องขอข้อมูลจากหน่วยงานรัฐ ราชการ/และหน่วยงานที่กำกับดูแล หน่วยงานอิสระตามกฎหมาย บริษัทที่เกี่ยวข้องและเพื่อการตรวจสอบทางบัญชี การปฏิบัติตามกฎหมาย การสอบสวน และการตรวจสอบ

12.เพื่อปฏิบัติตามกฎหมาย ข้อบังคับ กระบวนการทางกฎหมาย หรือคำขอจากรัฐบาล

5. การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล

1.บริษัทจะไม่ใช้หรือเปิดเผยข้อมูลของท่านเพื่อวัตถุประสงค์ใดๆ โดยไม่ได้รับความยินยอมจากท่าน และจะเปิดเผยตามวัตถุประสงค์ที่ได้มีการแจ้งไว้

2.บริษัท อาจมีความจำเป็นในการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูล เมื่ออยู่ในหน้าที่ที่จะต้องเปิดเผยและเผยแพร่ข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อปฏิบัติตามกฎหมายต่างๆ หรือคุ้มครองสิทธิ ทรัพย์สินหรือความปลอดภัยของบุคคลใดๆ ได้แก่ หน่วยงานราชการ หน่วยงานภาครัฐ หน่วยงานกำกับดูแล รวมถึงในกรณี ที่มีการร้องขอให้เปิดเผยข้อมูลโดยอาศัยอำนาจตามกฏหมาย

โปรดทราบว่า บริษัทอาจส่งต่อข้อมูลส่วนบุคคลของท่านระหว่างบริษัทในเครือด้วยกัน เพื่อการให้บริการแก่ท่านอย่างมีประสิทธิภาพและบรรลุตามวัตถุประสงค์ รวมถึงให้บริการบุคคลที่สามซึ่งจำเป็นต้องดำเนินการกับข้อมูลของท่าน เช่น ผู้ให้บริการบุคคลที่สามซึ่งได้รับการว่าจ้างจากบริษัทในการ

(1) บริการและบำรุงรักษาอุปกรณ์ไอทีต่างๆ ที่ใช้ในการจัดเก็บและเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน

(2) ดูแลและบำรุงรักษาเว็บไซต์นี้; หรือ

(3) อื่นๆ ที่เกี่ยวกับเงื่อนไขการให้บริการกับท่านจากหรือผ่านเว็บไซต์นี้ทั้งนี้โดยเป็นไปตามวัตถุประสงค์ที่ได้มีการแจ้งไว้

เว็บไซต์ของบริษัท อาจมีลิงก์ไปยังเว็บไซต์อื่นๆ โปรดทราบว่าบริษัทจะไม่รับผิดชอบต่อการปฏิบัติเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลที่ใช้โดยเว็บไซต์อื่น นอกเหนือจากเว็บของบริษัทเอง

6. การคุ้มครอง การเก็บรักษาความมั่นคงปลอดภัย และระยะเวลาการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล 

บริษัทฯ จะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไว้เป็นอย่างดีตามมาตรการเชิงเทคนิค (Technical Measure) และมาตรการเชิงบริหารจัดการ (Organizational Measure) เพื่อรักษาความปลอดภัยในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่เหมาะสม และเพื่อป้องกันการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล โดยบริษัทฯ ได้กำหนดนโยบาย ระเบียบ และหลักเกณฑ์ในการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล รวมถึงมาตรการเพื่อป้องกันไม่ให้ผู้รับข้อมูลไปจากบริษัทฯ ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลนอกวัตถุประสงค์ หรือโดยไม่มีอำนาจหรือโดยมิชอบ และบริษัทฯ ได้มีการปรับปรุงนโยบาย ระเบียบและหลักเกณฑ์ดังกล่าวเป็นระยะตามความจำเป็น และเหมาะสม นอกจากนี้ผู้บริหาร พนักงาน ผู้รับจ้าง ตัวแทน ที่ปรึกษา และผู้รับข้อมูลจากบริษัทฯ มีหน้าที่ต้องรักษาความลับของข้อมูลส่วนบุคคลตามมาตรการรักษาความลับที่บริษัทฯ กำหนด

บริษัทขอแนะนำให้ท่านมีความระมัดระวังในการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลจากการโดนละเมิดด้านความปลอดภัย ตัวอย่างเช่น การกำหนดรหัสผ่านที่บริษัทได้กำหนดให้หรือที่ท่านกำหนดเองเพื่อเข้าถึงบางส่วนของหน้าเว็บไซต์หรือบัญชีผู้ใช้งานที่ท่านได้ลงทะเบียนไว้  ท่านไม่ควรแจ้งให้ผู้อื่นทราบถึงรหัสผ่านนี้ เมื่อท่านส่งข้อมูลส่วนบุคคลให้กับบริษัท คุณควรมั่นใจว่าข้อมูลนั้นถูกต้องและแจ้งให้บริษัททราบหากข้อมูลมีการเปลี่ยนแปลงเพื่อที่เราจะได้ไม่มีข้อมูลที่ไม่ถูกต้องของท่าน หากท่านได้ลงทะเบียนสำหรับเว็บไซต์หรือระบบบริการข้อมูล ท่านสามารถตรวจสอบและเปลี่ยนแปลงข้อมูลส่วนบุคคลด้วยตัวท่านเองได้ตลอดเวลาโดยการเข้าสู่ระบบไปยังบัญชีของท่าน

นอกจากนี้ บริษัทฯ มีการกำหนดระยะเวลาการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตามนโยบาย ระเบียบ หรือหลักเกณฑ์ในการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัทฯ โดยได้กำหนดดังนี้ I

1.บริษัทฯ จะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลไว้ตามระยะเวลาที่จำเป็นในระหว่างที่ท่านเป็นคู่ค้ากับบริษัทฯ และ/หรือ อาจจำเป็นต้องเก็บรักษาไว้ต่อไปภายหลังจากนั้น หากมีกฎหมายกำหนดหรืออนุญาตไว้ รวมทั้งจัดเก็บไว้เพื่อวัตถุประสงค์ในการพิสูจน์หรือตรวจสอบหากมีข้อพิพาทเกิดขึ้น ทั้งนี้ ภายในอายุความสูงสุดตามกฎหมาย เช่น ไม่เกิน 10 ปี นับแต่วันที่สัญญาสิ้นสุดลง

2.บริษัทฯ จะลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคล หรือทำให้เป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุถึงตัวตนของคู่ค้าได้เมื่อหมดความจำเป็นหรือสิ้นสุดระยะเวลาดังกล่าว

7. สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล

1.สิทธิขอเข้าถึงและขอรับสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับท่าน หรือขอให้เปิดเผยถึงการได้มาซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวที่ท่านไม่ได้ให้ความยินยอม

2.สิทธิคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับท่าน

3.สิทธิขอให้ดำเนินการลบ หรือทำลาย หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวบุคคลที่เป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล

4.สิทธิขอให้ระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคล

5.สิทธิในการเพิกถอนความยินยอมในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่ได้ให้ความยินยอมไว้ ทั้งนี้ การเพิกถอนความยินยอมย่อมไม่ส่งผลกระทบต่อการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่ได้ให้ความยินยอมไว้แล้ว

6.สิทธิในการแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลให้ถูกต้อง

7.สิทธิในการให้โอนย้ายข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทจะแจ้งให้ท่านทราบ เมื่อรวบรวมข้อมูล และได้รับความยินยอมจากท่าน หากบริษัทมีความประสงค์ที่จะใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพื่อวัตถุประสงค์อื่นนอกเหนือจากที่บริษัทแจ้งให้ทราบ ท่านสามารถถอนคำยินยอมได้ในภายหลังโดยติดต่อทางโทรศัพท์ที่ 0-2865-4647-8 หรือติดต่อเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลโดยใช้รายละเอียดการติดต่อที่ระบุไว้ข้างท้ายนี้

ท่านสามารถขอให้บริษัทมอบสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน และ/หรือแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลที่ปัจจุบันอยู่ในความครอบครองของบริษัทโดยทำเป็นลายลักษณ์อักษรถึงเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลโดยใช้รายละเอียดการติดต่อที่ระบุไว้ข้างท้าย ท่านสามารถติดต่อบริษัทฯ เพื่อดำเนินการขอใช้สิทธิต่างๆ ได้ผ่านช่องทาง PDPA (mithr.in.th)

8.การทบทวนและเปลี่ยนแปลงนโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทอาจทำการปรับปรุงหรือแก้ไขนโยบายฉบับนี้เป็นครั้งคราวเพื่อให้สอดคล้องกับแนวปฏิบัติและข้อกำหนดตามกฏหมายที่เกี่ยวข้อง  ทั้งนี้ ในกรณีที่การแก้ไขเพิ่มเติม ปรับปรุง หรือเปลี่ยนแปลงนโยบายฉบับนี้  บริษัทฯจะดำเนินการประกาศนโยบายฉบับปัจจุบันให้ท่านทราบผ่านเว็บไซต์ของบริษัท หรือช่องทางอื่นใดของบริษัท ที่เกี่ยวข้องกับการใช้งานผลิตภัณฑ์ และ/หรือ บริการของท่าน

9. ข้อมูลเกี่ยวกับบริษัท สถานที่ติดต่อ และวิธีการติดต่อ  

 

นโยบายความเป็นกลาง

เพื่อให้การบริหารงานและการปฏิบัติงานสอบเทียบของห้องปฏิบัติการ มีการดำเนินการอย่างถูกต้องตามมาตรฐาน หลักเกณฑ์ ข้อกำหนดคุณภาพที่ได้รับ  และดำรงไว้ซึ่งความเป็นกลางในการให้บริการสอบเทียบ  คณะผู้บริหารสูงสุดบริษัท มิราเคิล อินเตอร์เนชั่นแนล เทคโนโลยี จำกัด  ขอประกาศนโยบายความเป็นกลาง ดังนี้

  1. การให้บริการสอบเทียบของห้องปฏิบัติการ ต้องเป็นไปตามมาตรฐานข้อกำหนดคุณภาพ หลักเกณฑ์และระเบียบที่บริษัทกำหนด  ถูกต้องตามกฎหมายและระเบียบอื่นๆ ที่บังคับใช้
  2. ผู้บริหารและพนักงานห้องปฏิบัติการทุกคน ต้องปฏิบัติตามนโยบายความเป็นกลางในกิจกรรมการดำเนินการของห้องปฏิบัติการด้วยความซื่อสัตย์ เป็นธรรม และยึดมั่นตามจรรยาบรรณของวิชาชีพ
  3. ห้องปฏิบัติการจะดำเนินการอย่างเต็มที่เพื่อให้มั่นใจว่ามีทรัพยากรที่เพียงพอ ทั้งด้านบุคลากร  เครื่องมือ อุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องในการปฏิบัติงาน  และการจัดโครงสร้างการบริหาร หน่วยงาน กิจกรรม รวมถึงความสัมพันธ์ของบุคคล ในทางที่ไม่ก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อความเป็นกลาง
  4. ห้องปฏิบัติการจะกำหนดหน้าที่และความรับผิดชอบตามกระบวนการและเป็นอิสระต่อกัน ทั้งผู้ปฏิบัติงานสอบเทียบ ผู้ทบทวนผลสอบเทียบ และผู้อนุมัติรายงานผลสอบเทียบ เพื่อให้เกิดการตรวจสอบถ่วงดุล และไม่มีการทับซ้อนของผลประโยชน์ที่อาจก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อความเป็นกลาง
  5. พนักงานทุกคนที่มีส่วนร่วมหรือเกี่ยวข้องในการให้บริการสอบเทียบ ต้องปฏิบัติตนต่อผู้รับบริการทุกรายอย่างเสมอภาค ไม่เลือกปฏิบัติ และให้บริการตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่กำหนดอย่างเท่าเทียมกัน
  6. พนักงานทุกคนที่มีส่วนร่วมหรือเกี่ยวข้องโดยตรงกับกิจกรรมสอบเทียบ ต้องเป็นอิสระจากการกดดันทางการค้า การเงิน การบริหาร หรือการกดดันอื่นๆ ที่มีผลต่อความเป็นกลาง  รวมถึงไม่มีพฤติกรรมที่ทับซ้อนผลประโยชน์กับบุคคล/หน่วยงานภายนอกอื่นๆ อันเนื่องด้วยกิจกรรมของห้องปฏิบัติการ
  7. พนักงานทุกคนต้องหลีกเลี่ยงกิจกรรม ที่ส่งผลต่อการสร้างความสัมพันธ์ใดๆ กับผู้รับบริการหรือผู้เกี่ยวข้องที่อาจส่งผลกระทบต่อความเป็นกลาง